วันนี้เราจะมาเอ๋ยถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ “วิตามินดี” (Vitamin D) ถ้าหากกล่าวถึงวิตามินดีหลายคนจะระลึกถึงแคลเซียมกันใช่ไหมล่ะค่ะ แต่ว่าเอะแล้วแคลเซียมเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ เพราะวิตามินดีแล้วก็แคลเซียมมีความหมายอย่างยิ่งกับสุขภาพของกระดูกแล้วก็ฟันของพวกเรา และก็ในบางครั้งบางคราวพวกเราก็จะรู้จักกับวิตามินดีในนามของ “วิตามินแดด” เหตุเพราะจะสามารถทำขึ้นได้ภายในร่างกายภายหลังจากถูกแดด การให้ร่างกายได้รับแสงอาทิตย์ที่สมควรทีละ 5-30 นาที สองครั้งต่ออาทิตย์ก็พอที่จะก่อให้ร่างกายสร้างวิตามินมาใช้ได้อย่างพอเพียง ซึ่งแสดงว่าพวกเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับวิตามินดีจากของกิน นอกจากก็เมื่อได้รับแดดไม่เพียงพอ ซึ่งมักไม่คือปัญหาในเด็ก แม้กระนั้นเพราะรังสี UV ในแสงแดดโดยยิ่งไปกว่านั้นในประเทศไทยบ้านพวกเรา อาจส่งผลให้กำเนิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ American Academy of Dermatology ก็เลยชี้แนะให้พวกเรารับวิตามินผ่านทางของกินหรืออาหารเสริมมากมายว่า วิตามินดีเป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพมนุษย์ด้วยเหตุว่าจะช่วยสำหรับเพื่อการสร้างแคลเซียมรวมทั้งแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่ต้องต่อการเติบโตของกระดูกและก็ฟัน รวมทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายคงจะระดับของแคลเซียมและก็ธาตุฟอสฟอรัสในเลือดให้อยู่ในระดับที่พอเพียงนั่นเองจ้ะ แต่ว่ายิ่งกว่านั้นแล้ว วิตามินดียังมีความจำเป็นรวมทั้งหน้าที่ต่อร่างกายอื่นๆของพวกเราอีกด้วยจ้ะ ฉะนั้น HealthGossip เลยไม่รอคอยช้าที่จะเสนอข้อมูลเพื่อพวกเราได้ทำความเข้าใจและก็รู้จักกับวิตามินคืนดีกันให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจ้ะ วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันมีอยู่ร่วมกันสองฟอมร์เป็น Ergocalciferol เจอในยีสต์ และก็ Cholecalciferol เจอในน้ำมันตับปลา ไข่แดง และก็สังเคราะห์ที่ผิวหนัง ส่วนในนมจะเจอได้ทั้งคู่ฟอมร์

 

 

 

เกี่ยวกับวิตามินดี หรือ Cholecalciferol

วิตามินดี เป็นเซกวัวสเตอรอยด์ (secosteroids) ที่ละลายในไขมันกรุ๊ปหนึ่งซึ่งปฏิบัติหน้าที่เสริมการดูดซึมแคลเซียม เหล็ก แม็กนีเซียม ฟอสเฟตรวมทั้งสังกะสีในมนุษย์

วิตามินดี มีสำคัญๆอยู่สองตัวเป็น วิตามินดี 2 หรือ ergocalciferol เจอในพืช รา ไลแคน และก็สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง พวกหอยทาก หนอน ยีสต์ รวมทั้งวิตามินดี 3 หรือ cholecalciferol เจอในน้ำมันตับปลา ไข่แดง และก็สังเคราะห์ที่ผิวหนัง

พวกเราได้วิตามินดีส่วนใดส่วนหนึ่งจากของกิน อีกส่วนใดส่วนหนึ่ง ufabet จากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังซึ่งร่างกายสามารถสร้างเองได้โดยได้รับการกระตุ้นจากรังสียูวีบี (UVB) ซึ่งมีอยู่ในแสงอาทิตย์

วิตามินดีที่พวกเราได้รับไม่ว่าจากของกินหรือจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังร่างกายยังไม่สามารถที่จะเอาไปใช้ได้ ควรจะมีความเคลื่อนไหวโดยมีอวัยวะที่แปลงเป็น ที่ตับเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วจะได้วิตามินดีที่เรียกว่า calcidiol แล้วก็ ที่ไตเมื่อวิตามินเปลี่ยนแปลงแล้วจะได้วิตามินที่เรียกว่า calcitriol

วิตามินดีปฏิบัติภารกิจร่วมกับแคลเซี่ยมสำหรับเพื่อการสร้างกระดูกรวมทั้งฟัน และก็ช่วยรีบการดูดซึมแคลเซี่ยมในไส้

ลักษณะของผู้ที่ขาดวิตามินดี เป็นกระดูกแล้วก็ฟันอ่อนเพลีย หักง่าย นอนไม่หลับในเด็กถ้าขาดวิตามินดี เรียก rickets ส่วนในคนแก่เรียก osteomalacia

การสังเคราะห์วิตามินดีของผิวหนังจากคอเลสเตอรอลอาศัยการได้รับแสงอาทิตย์ (โดยยิ่งไปกว่านั้นรังสียูวีบี)

พวกเราได้วิตามินเอจาก ของกิน แดด รวมทั้งอาหารเสริม

ของกินหลายจำพวกและนมได้ใส่วิตามินดีในของกินรวมทั้งนมดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คนธรรมดาน่าจะได้รับวิตามินดีอย่างต่ำวันละ 400 IU ต่อวัน

แหล่งของอาหารตามธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินดี อย่างเช่น ปลาที่มีมัน เห็ดตากแห้ง แล้วก็ไข่แดง และก็ยังเจอในของกินหรือเครื่องดื่ม ดังเช่นว่า นม และก็นมถั่วเหลืองก็มีการเพิ่มเติมวิตามินดีในของกิน

การเช็ดกแดดตอน 10.00น – 15.00น วันละ 5-30 นาที โดยให้แสงอาทิตย์เหมาะสมหน้า หรือแขน หรือลำตัวอาทิตย์ละสองวันก็พอเพียงที่จะสร้างวิตามินดี

งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยแสดงทำให้เห็นว่ามีผิวสีแก่จะหรูหราวิตามินดีต่ำลงมากยิ่งกว่ามีผิวที่ขาวกว่า ถ้าหากอยากซับวิตามินดีในจำนวนที่เสมอกัน ชาวอเมริกันผิวดำต้องโดนแสงอาทิตย์มากยิ่งกว่าคนขาวทั่วๆไปถึง 10 เท่า

คนที่ได้รับวิตามินดีเสริมในจำนวนมากที่สุด สามารถลดหุ่นลงได้มากที่สุด รวมทั้งไขมันที่ลดน้อยลงมากมายก็คือไขมันรอบๆท้องที่จัดว่าเป็นไขมันอันตรายนั่นเอง

ต้นเหตุที่เพิ่มการเสี่ยงของการขาดวิตามินดี เป็นการมีไขมันภายในร่างกายมากมาย เพราะว่าวิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน โดยเหตุนี้วิตามินดีก็เลยถูกเก็บอยู่กับไขมันมากยิ่งกว่าที่จะถูกนำออกมาในกระแสโลหิตเพื่อใช้กับกรรมวิธีการต่างๆภายในร่างกาย

 

 

 

 

ประโยชน์ที่ได้รับมาจากวิตามินดี

วิตามินดี ช่วยทำให้อายุยืนยาว งานค้นคว้าปัจจุบันเปิดเผยว่าวิตามินดี สามารถช่วยลดการถึงแก่กรรมที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันเยื่อตนเอง และก็โรคเส้นโลหิตหัวใจตีบ ผลจากพินิจพิจารณาการสุ่มกลุ่มของตัวอย่าง 18 กรุ๊ป ชี้ให้เห็นว่าคนแก่ที่กินวิตามินดี ในจำนวนระหว่าง 400–830-IU บ่อยๆทุกๆวันช่วยลดการเสี่ยงต่อการตายเนื่องมาจากโรควิถีชีวิต

 

 

 

วิตามินดี ช่วยสำหรับในการชะลอวัยของผิวพรรณ มีการเรียนพบว่าระดับวิตามินดีต่ำเกี่ยวโยงกับการบวมหรือความหย่อนยาน การมีรูขุมขนขยาย แล้วก็การเกิดซีสต์บนผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ วิตามินดีก็เลยเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการสร้างผิวหนังรวมทั้งกล้ามให้มีความแข็งแรง และก็ควบคุมให้มีการเปลี่ยนอย่างเหมาะควรตามวัย

 

 

 

วิตามินดี ช่วยทำให้หัวใจมีสุขภาพแข็งแรง งานศึกษาวิจัยทำให้เห็นว่าระดับวิตามินดี ภายในร่างกายที่พอเพียงช่วยให้ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของโรคเส้นโลหิตหัวใจตีบดี ขึ้น พบว่าคนที่หรูหราวิตามินดีต่ำเสี่ยงที่จะมีการตีบของเส้นโลหิตมากขึ้นถึง 80% โดยผู้ชำนาญชี้แจงว่า อาจมาจากว่าวิตามินดีช่วยลดการอักเสบของเซลล์ แล้วก็ช่วยลดความดันเลือด

 

 

 

วิตามินดี ช่วยรักษาระดับความดันโลหิต วิตามินดีช่วยทำให้รูปแบบการทำงานของเส้นโลหิตเป็นไปด้วยดี โดยงานเรียนชี้ให้เห็นว่าถ้าหากพวกเราได้รับวิตามินดี พอเพียง (ยกตัวอย่างเช่น ไม่ขาดวิตามินจำพวกนี้) จะช่วยลดการเสี่ยงต่อโรคความดันสูง

 

 

 

วิตามินดี ช่วยคุ้มครองปกป้องกระดูก วิตามินดีรวมทั้งแคลเซียม ช่วยคุ้มครองป้องกันกระดูกจากการเป็นโรคกระดูกผุ รวมทั้งช่วยลดการเสี่ยงต่อการแตกหักของกระดูกที่เกิดขึ้นมาจากโรคกระดูกผุด้วย

 

 

 

วิตามินดี ช่วยคุ้มครองโรคมะเร็ง วิตามินดีปฏิบัติภารกิจราวกับสารต้านอนุมูลอิสระเป็นช่วยเพิ่มเกราะคุ้มครองให้เซลล์ภายในร่างกายแข็งแรง คุ้มครองไม่ให้เซลล์เปลี่ยนรูปเป็นเซลล์เนื้อร้าย และก็พบว่าสำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็งแล้ว คนเจ็บที่หรูหราวิตามินดีสูงได้โอกาสลดการเสี่ยงสำหรับในการเสียชีวิตด้วยโรคนี้ได้

 

 

 

วิตามินดี ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย การศึกษาเรียนรู้ที่มหาวิทยาลัยเยล ประเทศอเมริกาพบว่า คนที่หรูหราวิตามินดีภายในร่างกายเยอะที่สุดจะป่วยไข้น้อยครั้งกว่าคนที่หรูหราวิตามินดีต่ำสูงถึง 2 เท่า ด้วยเหตุผลที่ว่าวิตามินดีจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวผลิตโปรตีนที่เป็นตัวฆ่าเชื้อโรค

 

 

 

วิตามินดี ช่วยลดการเสี่ยงของโรคพาร์กินสัน ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาท ufabet  เนื่องมาจากวิตามินดีจะเป็นตัวปรับแคลเซียมในสมอง ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นของการส่งต่อข้อมูลต่างๆในระบบประสาท

 

 

 

วิตามินดี ช่วยลดการเสี่ยงต่อโรคไม่มีชีวิตชีวา เป็นด้วยเหตุว่าวิตามินดีช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ตอนที่การขาดเซโรโทนิน นำมาซึ่งความตึงเครียดได้

 

 

 

วิตามินดี ช่วยลดไมเกรน มีการเรียนพบว่า คนที่หรูหราวิตามินดีต่ำมีความเกี่ยวข้องกับไมเกรนรวมทั้งลักษณะของการปวดเรื้อรัง เพราะวิตามินดีมีส่วนช่วยให้เส้นโลหิตเกร็งแล้วก็คลายตัวตามธรรมดา

 

 

 

ต้นเหตุของการขาดวิตามิน

ถูกแสงอาทิตย์น้อย ยกตัวอย่างเช่นคนชรา ผู้ป่วย

ทานอาหารน้อยเกินไป ดื่มนมน้อยเกินไป

hypoparathyroidism

คนที่มีปัญหาประเด็นการมองซึมไขมัน

คนที่มีผิวคล้ำซึ่งจะก่อให้ผิวหนังผลิตวิตามินดีลดลง

อันตรายจากการขาดวิตามินดี

ธรรมดาพวกเราสามารถสร้างวิตามินดีได้จากใต้ผิวหนังเมื่อได้รับรังสีไวโอเลตในแดด ดังนี้จำนวนวิตามินดีที่ร่างกายควรจะได้รับในทุกๆวันเป็นราว 5 ไมโครกรัม / วัน อย่างไรก็ตามหากได้รับวิตามินดีเยี่ยมหรือไม่พอก็เป็นโทษด้วยเหมือนกันจ้ะ

 

โรคกระดูกอ่อน ในเด็กที่กำลังเติบโต การขาดวิตามินดีจะก่อให้กำเนิดโรคกระดูกอ่อน เนื่องจากว่าวิตามินดีปฏิบัติงานร่วมกับแคลเซียมสำหรับการช่วยควบคุมระดับแค ลเซียมภายในร่างกาย เมื่อขาดแคลเซียม ก็เลยทำให้กระดูกเปราะแล้วก็หักง่าย ทั้งยังเป็นเหตุให้กระดูกตามส่วนต่างๆภายในร่างกายผิดรูปผิดร่าง โค้งงอ รวมทั้งขาโก่ง ทั้งยังเป็นเหตุให้กำเนิดโรคกระดูกพรุนในคนแก่ได้อีกด้วย

 

ท้องเดิน นอนไม่หลับ เยี่ยวบ่อยมาก ร้อนใจ กล้ามกระตุก เป็นหวัดบ่อยครั้ง กล้ามอ่อนแอ ขาดความกระชุ่มกระชวยกระชุ่มกระชวย แล้วก็แรงต้านทานโรคลดลง

 

อันตรายจากการได้รับวิตามินดีเลิศเหลือเกิน

ท้องผูกหรือท้องร่วงเรื้อรัง ปกติร่างกายของพวกเราสามารถกำจัดวิตามินดีที่ผลิตขึ้นจากแสงอาทิตย์ออก ufabet  ไปจากร่างกายตามธรรมชาติ แต่ว่าถ้าเกิดรับประทานวิตามินดีเสริมมากจนเกินไปก็บางทีอาจอันตรายได้ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดรับประทานวิตามินดีวันละ 25-50 ไมโครกรัมติดต่อกันเป็นเวลานาน 6 เดือนอาจจะก่อให้กำเนิดท้องผูกหรือท้องเดินเรื้อรัง ไม่อยากกินอาหาร อ้วกคลื่นไส้ หัวใจเต้นแตกต่างจากปกติ แล้วก็หมดแรงได้

 

เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ด้วยเหตุว่าวิตามินดีมีส่วนช่วยสำหรับการดูดซับธาตุฟอสฟอรัสแล้วก็แคลเซียมจาสิกลำไส้ไปสร้างกระดูกและก็ฟัน การขาดวิตามินดีก็เลยส่งผลโดยตรงที่ทำให้ระดับแคลเซียมและก็ธาตุฟอสฟอรัส ภายในร่างกายไม่สมดุลทำให้มีแคลเซียมสะสมตามส่วนต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ในเยื่อ เลือด ตับ ไต ซึ่งอาจส่งผลให้กำเนิดโรคร้ายอื่นๆตามมาได้